Day 2 น้ำท่วม 53
2010-11-01 กลางดึก
พายุเริ่มเข้าถึงบ้านประมาณสามทุ่มกว่า ลมพัดโหมกระหน่ำ บ้านสะท้านไหว เสียงลมหวีดโหย เสียงฟ้าครางครืน ประกาย สว่างวาบวับ สายฝนซัดกระหน่ำอย่ารุนแรง
หลอดไฟที่เปิดไว้ในห้องดับลง รอบกายมืดสนิท ผมลุกไปหยิบไฟฉายมาไว้ใกล้มือ แต่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน ครัว หน้าบ้าน กลางบ้านเปียกโชกจากสายฝนที่ลมพัดกระหน่ำเข้ามาจากหลังบ้าน
น่าแปลกที่พายุมาจากทางทิศตะวันออก แต่ลมกลับพัดมาจากทางด้านตะวันตก หรืออาจจะมาจากทุกทิศทางก็เป็นได้
นับเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เคยเจอ
ผมนอนภาวนาข้อให้พ้นห้วงเวลานี้ไปได้ด้วยดีเถิด
ห้าทุ่ม ลมนิ่งสงบ สายฝนหยุดสนิท ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เมฆขาวลอยระเรี่ยท้องฟ้า หลังพายุสงบทุกอย่างหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ยกเว้นเพียงเสียงกบเขียดร่ำร้องอย่างร่าเริง
พายุผ่านพ้นไปแล้ว
ผมเปิดประตูออกไปดูพี่สาว เพื่อนำรถไปจอดที่บ้านข้าง ๆ ที่สูงกว่า แล้วกลับมาเข็นรถมอร์เตอร์ไซด์ตนเองไปด้วย น้ำหน้าบ้านเริ่มพ้นหัวเข่าแล้ว
น้ำเริ่มล้นตลิ่งคลองตอนห้าทุ่ม หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย น้ำหน้าบ้านก็ขึ้นมาถึงหน้าแข้ง แอว เพื่อนบ้านขอมาอาศัยอยูด้วยหลังจากส่งตายายไปบ้านที่ปลอดภัย
2010-11-02
เช้า หลังจากขนของในครัวขึ้นบนเรือนเรียบร้อย ได้รับโทรศัพท์จากน้องที่หน้าโรงเรียนหนองนายขุ้ยว่าน้ำหน้าโรงเรียนขึ้นมาถึงตาตุ่มแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นอีกเรื่อย ๆ ผมจึงออกไปบ้านป้าไรเพื่อย้ายรถไปจอดที่วัดซึ่งเป็นจุดที่สูงกว่า
ผมออกไปพร้อมกับเแอว แนน มอส และน้องอีก 2 คน ถึงปากซอน น้ำประมาณคอไหลเชี่ยวกราก เราผูกเชือกเข้าด้วยกัน พยายามเดินฝ่าสายน้ำที่ไหลผ่านถนน น้ำถึงคอทำให้เท้ายึดถนนยากมาก แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ลองเดินไปทางถนนที่ใกล้กว่า แต่น้ำเชียวมาก ๆ เลยตัดสินใจไปตามถนนที่ไกลกว่า แต่น้ำไม่เชี่ยว
หลังจากย้ายรถเรียบร้อย จึงแวะเข้าไปในวัด ซึ่งกำลังมีงานทอดกฐิน แต่น้ำท่วม ทำให้ไม่มีใครมาในงานเลย
ขากลับ ตัดสินใจกลับทางถนนสายใกล้ซึ่งน้ำเชี่ยวมาก (ตอนมาฝ่ามาไม่ได้) ขากลับมีเพื่อนบ้านร่วมทางเพิ่มมากอีก 2 คน คือ เจษ กับหลวงรัต
หลังจากฝ่าสายน้ำเชี่ยวบนถนนสายแรกมาได้อย่างยากลำบาก เลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อจะไปให้ถึงปากซอยที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ต้องเดินตัดสายน้ำเชี่ยวและน้ำลึกมาก เราเดินถลำไปตามสายน้ำเข้าไปในร่องถนนที่น้ำลึกเกินไปจนไม่เท้าไม่สามารถยึดพื้นไว้ได้
6 คนลอยจากพื้นถนน น้ำซัดไปทางสวนยาง ผมยึดรั้วลวดหนามไว้ได้ เหล็กแหลมของลวดหนามทิ่มตำทั้งมือและเท้า ผมพยายามยึดไว้ไม่ให้หลุด แอวซึ่งผูกเชือกกับเอวไว้กับผม ลอยไปติดที่รั้วลวดหนามห่างจากผมเกินที่จะจับไว้ได้ ส่วนที่เหลือผ่านรั้วไปเกาะติดอยู่กับต้นยาง
ทุกคนตกใจ ยึดรั้งต้านทานสายน้ำอย่างสุดแรง
ผมบอกแอวให้ส่งมือไปให้แนนกับน้องที่เกาะต้นยางใกล้ ๆ แอวที่ตกใจมาก ๆ พยายามจนสามารถไปเกาะต้นยางไว้ได้ ผมจึงปล่อยตัวเองให้ลอยไปเกาะต้นยางไว้ด้วยกัน และตรวจสอบเชือกที่ผูกไว้ ผูกใหม่ให้แน่นหนา
เจษกับหลวงรัต ไม่ได้ยังคงอยู่บนถนน ถอยกลับมาสู่น้ำตื้น และรีบไปเรียกคนมาช่วย
ทั้ง 6 คน มีคนว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ 2 คน คือ แอวกับแนน ทำให้ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในขณะที่มอสได้ว่ายน้ำไปมาระหว่างต้นยางเพื่อตรวจความแรงของน้ำ ซึ่งบางจุดน้ำไม่ได้เชี่ยวมากนัก บางจุดน้ำตื้นพอจะยืนได้ แต่ผมก็ไม่สามารถพาทั้งสองคนออกไปจากต้นยางนั้นได้ ทั้งด้วยความตกใจกลัวของทั้งสองคน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายยิ่งขึ้นไปอีก ผมพยายามปลอบแอวให้เย็นเข้าไว้ท่ามกลางสายน้ำที่เย็นเฉียบจนเท้าเกือบจะเป็นตระคริว
ทุกคนเกาะต้นยางไว้แน่น รอคอยความช่วยเหลือ
เสียงเรือหางยาวดังมาจากที่ไกล ๆ ดังใกล้เข้ามา ผมตะโกนออกไป
"โห้ โห้ เรือ ช่วยทางนี้" เสียงเรือใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ผมตะโกนซ้ำอีกหลายครั้ง เสียงเรือค่อย ๆ ห่างออกไป ผมหมดหวัง คนเรือคงไม่ได้ยินเสียงพวกเรา
ผ่านไปอีกเนิ่นนาน แต่ด้วยความหวังว่าต้องมีคนมาช่วยแน่นอน
ลุงล้อมค่อยพายเรือมาบนถนนที่เต็มไปด้วยน้ำ ผมเห็นแต่ไกล บอกกับทุกคนว่าเรารอดแล้ว
เรือพาแอวซึ่งยังคงตกใจไปส่งก่อนเป็นคนแรก ผ่านไปอีกนาน จึงได้วกกลับมาช่วยแนนกับน้องผู้หญิงไป
ผมกับอีก 2 คนตัดสินใจไม่คอยเรือ น้ำในสวนยางไม่ได้เชี่ยวมากนัก เราไม่สามารถว่ายทวนน้ำไปบนถนนได้ จึงตัดสินใจว่ายเกาะต้นยางไปทีละต้น ทีละต้น ผ่านสวนยางสวนแรกไปได้ น้ำไม่เชียวแต่ยังไม่มีทางออก เข้าไปสู่สวนยางสวนที่สอง จึงมีทางออกไปสู่ถนนได้
เราเดินกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนและเพิ่งเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดแผลจากลวดหนาม
น้ำยังคงขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแต่อย่างใด โทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติกมีน้ำเข้าไปในถุงและเข้าไปในเครื่อง
โทรศัพท์อื่น ๆ เริ่มหมดแบตเตอรีลงไป นึกได้ว่าเรามีรถยนต์จอดอยู่สองคัน มีสายชาร์จในรถ จึงอยู่รอดไปได้อีกหนึ่งคืน
ค่ำนี้ เรากินเข้าแต่เย็นท่ามกลางแสงเทียน ผมเข้านอนแต่หัวค่ำ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เข้านอนตั้งแต่ 1 ทุ่ม ผมนอนไม่หลับ จึงเขียนบันทึกนี้ท่ามกลางความมืดมิดด้วย Android WPAD แล้วจึงมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้งในตอนค่ำของวันรุ่งขึ้น
หวังว่าคืนนี้น้ำคงจะเริ่มลด
ภาพยังไม่สะดวกส่ง ค่อยตามมาภายหลัง
Relate topics
- เทคนิคการพ่วงแบต
- งานของวิศวกร
- อยากมีสวนผักแบบนี้
- สิ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องเขียนในใบสัญญา
- ไม่ต้องยืนทำงานก็ได้ แต่ขอโต๊ะทำงานโค้ง ๆ ใหญ่ ๆ
- 10 วิธีที่ฟรีแลนซ์ก็สามารถทำเพื่อให้ผู้ร่วมงานของเราไม่มีวันลืมได้เช่นกัน
- The Big History Project
- หาดใหญ่มี 4G แล้ว
- Photo voice
- ไฟดับอีกแล้ว
- ปรับ Theme
- ไฟดับทั้งภาคใต้ ข้าพเจ้ากลับไม่ตื่นตระหนก
- บ้านไม้พาเลท กับแผงโซล่าเซลล์ รักษ์โลกฝุดๆ
- แผนพัฒนาภาคใต้
- สะพานไม้หมาก
- เงา
- เงื่อน
- ร้องให้สุดคำ รำให้สุดแขน
- My Song
- ของขวัญปีใหม่'55 Lenovo Z470